วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ท่องเที่ยวธรรมชาติ ที่วนอุทยานน้ำตกเขาอีโต้

ทริปนี้เราพามาท่องเที่ยวในสถานที่เย็นๆ ท่องเที่ยวในเส้นทางเที่ยวทางธรรมชาติ เมืองปราจีนบุรี ที่วนอุทยานน้ำตกเขาอีโต้ ซึ่งเป็นธารน้ำตกธรรมชาติที่สามารถเข้าไปเล่นน้ำได้อย่างสบายคลายร้อน อีกทั้งยังมีจุดพิสูจน์เนินพิศวง บนเส้นทางศึกษาธรรมชาติต่อด้วยการเข้าไปชมวิว เมืองปราจีนที่จุดชมวิวผาหินซ้อนจากนั้นไปสัมผัสรับไอเย็นจากพื้นทะเลสาบชมวิวสวย ๆ ของอุทยาน และสนุกกับกิจกรรมพายเรือที่อ่างเก็บน้ำจักรพงษ์ 







โบราณสถานเมืองศรีมโหสถ ได้รับการเรียกขานว่าเมืองศรีวัตสปุระหรือเมืองพระรต ซึ่งก็หมายถึงเมืองเก่าศรีมโหสถนั่นเองจากการขุดข้นเมืองแห่งนี้ ได้พบว่ามีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมค่อนข้างรี ตรงขอบมุมของคูเมืองมี 4 ด้าน โค้งมน มีคันดินและคูน้ำล้อมรอบขนาดของเมืองกว้าง 700 เมตรยาว 1,550 เมตร เนื้อที่ภายในเมืองกว้างขวางมาก มีโบราณสถานเป็นสระน้ำกระจัดกระจายอยู่ไปทั่วกว่า 100 แห่ง สันนิษฐานว่าเป็นเมืองในสมัยทวารวดี หลักฐานส่วนใหญ่ที่พบมักจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับศาสนาพราหมณ์และฮินดู อาทิเช่นเทวาลัย เทวรูป และ ศิวลึงค์
โบราณสถานที่สำคัญในเมืองศรีมโหสถประกอบไปด้วย กลุ่มโบราณสถานกลางเมืองอายุราวพุทธศตวรรษที่ 18 เป็นหมู่เทวาลัยฐานก่อด้วยศิลาแลง ด้านบนก่อด้วยอิฐภูเขาทองเป็นพระเจดีย์รูปกลม ลักษณะเหมือนโถคว่ำสมัยทวารวดี เทวาลัยรูปสีเหลี่ยมพื้นผ้าก่อด้วยศิลาแลงราวพุทธศตวรรษที่ 12-13 และสระแก้วซึ่งเป็นสระน้ำโบราณ ซึ่งขอบสระแกะสลักเป็นลวดลายรูปสัตว์ต่าง ๆ จำนวนถึง 45 ภาพ อายุราวพุทธศตวรรษที่ 6-11
 สระแก้วเป็นสระน้ำโบราณ ขนาดกว้าง  17.50 เมตร ยาว 42.70 เมตร ซึ่งขุดลึกลงไปในศิลาแลงตามธรรมชาติ บริเวณนอกเมืองศรีมโหสถทางตะวันตกเฉียงใต้ ฝาผนังกำแพงรอบๆสระมีภาพสลักรูปสัตว์ต่างๆ เช่น ช้าง สิงห์ มกร หมูป่า กินรี งู  ซึ่งมีความสวยงามเป็นอย่างมาก ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเมืองโบราณ  สันนิฐานว่าเป็นสระที่ใช้ในพิธีกรรมของกษัตริย์เมืองศรีมโหสถ  ที่สระแก้วแห่งนี้แม้ว่าจะร่วงโรยไปตามกาลเวลาแล้วบ้างก็ตาม แต่ก็ยังคงเหลือล่องรอยต่าง ๆ ให้เราได้ชื่นชมกับอารยธรรมเก่าแก่แห่งนี้ได้ในหลายจุด โดยทำเป็นป้ายขนาดใหญ่บรรยายลักษณะของตัวสระแก้วและรูปภาพต่าง ๆ ทั้งหมดนอกจากเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแล้วยัง ช่วยให้เราได้ศึกษาหาความรู้ได้อีกทางหนึ่ง
หลังจากที่เราเที่ยวชมบริเวณโบราณสถานสระแก้วกันจนหมดแล้วเราก็เดินทางต่อไปยังโบราณสถานสระมรกต เพื่อชื่นชมความงามและบูชารอยพระพุทธบาทคู่เก่าแก่กันต่อโดยใช้เวลาเดินทางเพียงไม่กี่อึดใจก็มาถึงยังวัดสระมรกต
          โบราณสถานสระมรกตตั้งอยู่ในบริเวณหน้าวัดสระมรกต มีอายุราวพุทธศตวรรษที่13-18 เป็นศาสนสถานที่ผสม ผสานกันระหว่างพุทธศาสนากับศาสนาฮินดู ประกอบไปด้วยอาคารสร้างด้วยศิลาแลงล้อมรอบด้วยกำแพงแก้ว ลักษณะเป็น อโรคยาศาลหรือโรงพยาบาลสมัยโบราณ 
ภายในโบราณสถานสระมรกตได้ค้นพบสิ่งสำคัญก็คือรอยพระพุทธบาทคู่ ซึ่งมีอายุเก่าแก่ที่สุดของเมืองไทย นอกจากนั้นยัง มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งได้พบพระพุทธรูปและโบราณวัตถุเป็นจำนวนมากภายในบ่อและเป็นบ่อซึ่งได้นำน้ำขึ้นทูลเกล้าถวายเนื่องในพิธีรัชมังคลาภิเษก และอีกหลายพิธีที่สำคัญ เป็นบ่อน้ำที่มีความศักดิ์สิทธ์มาจนถึงปัจจุบัน ด้านหน้าทางเข้าไปยังพระพุทธบาทคู่ก็มีบริการดอกไม้ธูปเทียนพร้อม ทั่วบริเวณโบราณสถานสระมรกตเป็นสนามหญ้าสวยงามร่มรื่นไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ที่ทางวัดบำรุงรักษาไว้อย่างดี
          ประวัติเกี่ยวกับการขุดค้นพบรอยพระพุทธบาทคู่ ขุดค้นพบโดยกรมศิลปากรในการตกแต่งบริเวณโบราณสถานสระมรกตโดยเมื่อขุดลอกดินออกจากบริเวณโบราณสถานพบว่าเป็นอาคาร 2  หลังสร้างอยู่ติดกัน หลังแรกเป็นอาคารก่อสร้างด้วยศิลาแลง อาคารหลังนี้มีรอยลักลอบขุดหาวัตถุโบราณที่กลางเนินดินตัวอาคาร ทำให้ผนังด้านทิศเหนือปรากฏให้เห็นเหนือผิวดินทางทิศตะวันออกมีวิหารอีกหลังหนึ่งเป็นวิหารอิฐ มีร่องรอยการใช้ปูนฉาบที่ผนัง อาคารทั้งสองหลังนี้มีลานประทักษิณศิลาแลงล้อมรอบและทางทิศตะวันออกของลานประทักษิณ ถัดจากวิหารปูนฉาบไปทางทิศตะวันออกมีบ่อน้ำ 1  บ่อ  เมือปี 2529 ได้ทำการลอกดินภายในวิหารจนถึงพื้นศิลาแลงทางด้านทิศใต้ ได้พบธรรมจักรเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.10  เมตร สลักลงบนศิลาแลงธรรมชาติ และเมื่อขุดลอกดินต่อพบว่ามีธรรมจักรอีก 1 อันอยู่ใกล้กันกับอันแรกระหว่างกลางธรรมจักทั้งคู่มีหลุมกลมแบบหลุมเสากว้าง 40 ซ.ม.ลึก  1.05  เมตร ที่ปากหลุมสลักเป็นรูปกากบาท เมื่อลอกดินออกทั้งหมดและทำความสะอาดพื้นวิหารทั้งหมดพบว่าธรรมจักรทั้งสองอันนี้ เป็นธรรมจักประดับกลางฝ่าพระบาทของรอยพระพุทธบาทคู่นั่นเอง




           รอยพระพุทธบาทคู่ เป็นรอยพระพุทธบาทขนาดใหญ่ สลักบนพื้นศิลาแลง อายุราว พุทธศตวรรษที่ 11 – 16 นับว่าเป็นพระพุทธบาทคู่ที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย ประดิษฐานอยู่ในบริเวณโบราณสถานสระมรกตถือว่าเป็นปูชนียสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของเมืองไทยซึ่งมีความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก มีประชาชนมากมายจากทั่วทุกภูมิภาค ให้ความเคารพศรัทธา และเดินทางเข้ามากราบไหว้บูชากันอย่างไม่ขาดสาย
ลักษณะของรอยพระพุทธบาทคู่ เป็นรอยพระพุทธบาทขนาดใหญ่สลักลึกลงไปในศิลาแลงธรรมชาติและสลักธรรมจักรนูนที่ฝ่าพระบาทกว้าง 1.30   เมตร ยาว 3.50   เมตร พระบาทซ้ายกว้าง 1.30 เมตร ยาว 3.40   เมตร และพระบาทขวา กว้าง 1.30   เมตร ยาว 3.30    เมตร วัดความกว้างของพระบาททั้งคู่ได้ 3.10 เมตร ลักษณะของพระบาททั้งคู่ทำเป็นรอยเท้ามนุษย์ตามธรรมชาติ มีปลายนิ้วเท้าเรียงไม่เสมอกัน รอยพระพุทธบาทคู่แห่งนี้ สันนิษฐานว่าเป็นเป็นบริโภคเจดีย์สมมติตามคติลังกา เพื่อแสดงว่าพุทธศาสนาได้เผยแพร่มา ณ ดินแดนแห่งนี้แล้ว นอกจากที่เราได้บูชาพระพุทธบาทคู่และเยี่ยมชมโบราณสถานสระมรกตแล้วทางวัดสระมรกตยังประดิษฐานมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธ์ให้เราได้กราบไหว้บูชาเพื่อเป็นสิริมงคลและยังมีวัตถุโบราณหลายชิ้นให้เราได้ชมอีกด้วย เช่น พระพุทธยุคลบาท,พระนิรันตราย,พระนาคปรก,พระสังกัจจายน์ วัตถุโบราณเช่น ศิวลึงค์ ,นาคปรกหินศิลาแลง, สิงโตหินศิลาแลง และอีกหลายชิ้น เชิญเยี่ยมชมและทำบุญกับพระอาจารย์ตามกำลังศรัทธา ที่อำเภอศรีมโหสถถือว่าเป็นแหล่งอารยธรรมโบราณที่เก่าแก่แฝงด้วยมนต์เสน่ห์ที่น่าหลงใหล   เป็นแหล่งโบราณคดีที่สำคัญเป็นแหล่งศึกษาหาความรู้ และยังมีสถานที่และสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมาย น่าชิ่นชมค้นหากราบไหว้บูชา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมอีกแห่งหนึ่งของเมืองไทย 




           นอกจากนั้นยังมีแหล่งท่องเที่ยวอีกหลายแห่งที่อยู่ในเมืองศรีมหโสถแห่งนี้ อาทิ เช่นวัดต้นโพธิ์ซึ่งด้านในมีต้นศรีมหาโพธิ์ศักดิ์สิทธิ์และเก่าแก่ที่สุดของเมืองไทยมีอายุถึง 2000 ปี องค์หลวงพ่อทวารวดีที่ประดิษฐานอยู่หน้าที่ว่าการอำเภอซึ่งเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่และมีความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก โบราณสถานเมืองศรีมโหสถตั้งอยู่บนเส้นทางท่องเที่ยวของอำเภอ ศรีมโสถ บริเวณ ตำบลโคกปีบ จังหวัดปราจีนบุรี ถ้าใครมีโอกาสมาจังหวัดปราจีน หรือเดินทางผ่านอำเภอศรีมโหสถ ก็อย่าลืมเข้าไปเยี่ยมชมโบราณสถานและกราบไหว้บูชารอยพระพุทธบาทคู่และทำบุญเพื่อเป็นศิริมงคล ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 037-312282, 037-312284 โทรสาร 037-312268




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น