วันเสาร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2554

ตื่นตาธรรมชาติ...ท่องเที่ยวป่าหน้าฝน ชมดอกไม้งามบนอุทยานภูหินร่องกล้า



ในระหว่างเดือนสิงหาคม-กันยายนนี้ ช่วงเวลาที่ร่องฝนพัดผ่าน นักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่งเลือกมาเที่ยวป่าหน้าฝน ยลดอกไม้ป่าบานเต็มลานหิน บนอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า อ.นครไทย จ.พิษณุโลก สัมผัสเมฆฝนที่พัดผ่าน เป็นบรรยากาศที่หลายคนคิดไม่ถึง เที่ยวป่าหน้าฝน ได้อีกความรู้สึกหนึ่งที่สวยงามไม่แพ้ฤดูกาลท่องเที่ยวในหน้าหนาว

นายไพรัช มณีงาม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า อ.นครไทย จ.พิษณุโลก กล่าวว่า นักท่องเที่ยวจำนวนมากยังคงนิยมขึ้นมาเที่ยวบนอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าในช่วงฤดูหนาว ในช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนมกราคม เพื่อมาสัมผัสบรรยากาศอากาศหนาว ที่มีอุณหภูมิต่ำ ถึงขั้นเกิดแม่คะนิ้ง หรือน้ำค้างแข็ง แต่มีนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มหนึ่ง เลือกมาเที่ยวภูหินร่องกล้าในช่วงฤดูฝน ในช่วงเดือนสิงหาคมนั้น บรรยากาศป่าหน้าฝนบนภูหินร่องกล้านั้น มีความงด งามไม่แพ้เที่ยวในฤดูหนาว และเป็นอีกความรู้สึกหนึ่งที่ธรรมชาติได้สร้างสรรค์ ความงามให้นักท่องเที่ยวได้ชมเที่ยวป่าหน้าฝนบนอุทยานแห่งชาติ ภูหินร่องกล้า ที่ระดับความสูง 1,300-1,400 เมตร เมฆฝนจะปกคลุมยอดเขาร่องกล้า ยามที่นักท่องเที่ยวเดินผ่าน เมฆและละอองฝนจะพัดผ่านตัวเป็นไอหมอกขาว สวยงามมาก โดยเฉพาะเส้นทางท่องเที่ยวชมลานหินปุ่ม ผาชูธง ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตรนั้น นักท่องเที่ยวจะได้ชมแหล่งต้นน้ำ ที่ไหลรินผ่านลานหิน ดอกไม้ที่เบ่งบานในช่วงฤดูฝน บานสะพรั่งบนลานหินอีกหลากหลายชนิด อาทิ หงส์ทอง เปราะภู ตามเส้นทางเดินในป่าดิบชื้น สังเกตตามแนวทางเดินและลานหิน จะพบดอกไม้หลากหลายชนิดบานสะพรั่ง ที่อุทยานตั้งชื่อเส้นทางเดินป่าแห่งนี้ว่า “สวรรค์บนดิน” ในเส้นทางเดินเที่ยวสวรรค์บนดิน ประมาณ 3 กิโลเมตร ใช้ระยะเวลาเดินเท้าประมาณ 1-1.5 ชั่วโมง ในช่วงฤดูฝนบางจังหวะจะเป็นละอองเมฆฝนวิ่งพัดผ่านตัวนักท่องเที่ยว แต่บางโอกาสเมฆฝนก็จะกลั่นตัวกลายเป็นฝน ดังนั้นนักท่องเที่ยวต้องเตรียมตัวมาให้พร้อมสำหรับการเดินทางด้วย เช่น ร่ม เสื้อกันฝน ถุงพลาสติกสำหรับกันกล้องถ่ายรูปเปียกน้ำ รองเท้าผ้าใบ เป็นต้น ส่วนการเดินทางขึ้นมาบนอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าในช่วงนี้ เส้นทางขึ้นจากตีนภู บ้านห้วยน้ำไซ ต.เนินเพิ่ม กำลังมีการราดยางถนนใหม่ทั้งหมด อุทยานฯได้งบประมาณจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จำนวน 8 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงเส้นทางขึ้นภูหินร่องกล้าและภู ทับเบิก

อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า มีพื้นที่ครอบคลุมรอยต่อ 2 จังหวัด คือ อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย และอำเภอนครไทย
 จังหวัดพิษณุโลก ภูหินร่องกล้าเป็นแหล่งกำเนิดของประวัติศาสตร์การสู้รบอันยาวนานเป็นวีรกรรมของนักรบไทย ความขัดแย้งของลัทธิและแนวความคิดที่นำไปสู่ความสูญเสียเลือด ชีวิตและน้ำตา ภาพประวัติศาสตร์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ณ ที่แห่งนี้ ตลอดจนสภาพสิ่งก่อสร้างในอดีตจะถูกบันทึกเก็บรักษาไว้ เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาถึงผลของการใช้กำลังเข้าประหัตประหาร ทำให้เกิดความสูญเสียที่ประเมินค่ามิได้ อันเนื่องมาจากความขัดแย้งทางการเมืองความแตกแยก ความสามัคคีของคนในชาติ มีเนื้อที่ประมาณ 191,875 ไร่ หรือ 307 ตารางกิโลเมตร แหล่งท่องเที่ยวที่เป็นอนุสรณ์ความขัดแย้งทางการเมืองที่น่าสนใจ ได้แก่ โรงเรียนการเมืองการทหาร อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติฯประมาณ 6 กิโลเมตร มีสภาพเป็นป่ารกทึบ หนาแน่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ในอดีตเคยเป็นสถานที่สำหรับให้การศึกษาตามแนวทางของลัทธิคอมมิวนิสต์ สำนักอำนาจรัฐ อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอุทยานแห่งชาติฯ ห่างจาก ที่ทำการอุทยานแห่งชาติฯประมาณ 3 กิโลเมตร เป็นสถานที่ดำเนินการปกครอง มีการพิจารณาและลงโทษผู้กระทำผิดหรือละเมิดต่อกฎลัทธิมีคุกสำหรับขังผู้กระทำความผิด มีสถานที่ทอผ้าและโรงซ่อมเครื่องจักรกล

ขณะที่แหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อยอดนิยม ได้แก่ ลานหินแตก อยู่ห่างจากฐานพัช  รินทร์ ประมาณ 300 เมตร ลักษณะเป็นหินที่มีรอยแตกเป็นแนวเป็นร่องเหมือนแผ่นดินแยก รอยแตกนี้บางรอยก็มีขนาดแคบพอให้รากต้นหญ้าชอนไชไปได้เท่านั้น บางรอยกว้างพอคนก้าวข้ามได้ และบางรอยกว้างมากจนไม่สามารถกระโดดข้ามได้ ความลึกของร่องหินแตกเหล่านั้นไม่สามารถจะคาดคะเนได้ ลักษณะเช่นนี้สันนิษฐานว่าอาจจะเกิดจากการโก่งตัวหรือเคลื่อนตัวของผิวโลกจึงทำให้พื้นหินนั้นแตกเป็นแนว นอกจากนี้บริเวณหินแตกยังปกคลุมไปด้วย มอส ไลเคนส์ ตะไคร่ เฟิน และกล้วยไม้ชนิดต่าง ๆ ลานหินปุ่ม อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติฯ ประมาณ 4 กิโลเมตร อยู่ริมหน้าผาลักษณะเป็นลานหินผุดขึ้นเป็นปุ่มไล่เลี่ยกัน คาดว่าเกิดจากการสึกกร่อนตามธรรมชาติของหินทางเคมีและฟิสิกส์ 

ในอดีตบริเวณนี้ใช้เป็นที่พักฟื้นของคนไข้เนื่องจากอยู่บนหน้าผา มีลมพัดเย็นสบายเหมาะแก่การนั่งพักผ่อน ผาชูธง อยู่ห่างจากลานหินปุ่มประมาณ 600 เมตร เป็นหน้าผาสูงชันสามารถเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกล โดยเฉพาะภาพทิวทัศน์ดวงอาทิตย์ตกดินจะสวยงามไม่แพ้จุดชมทิวทัศน์อื่น ๆ บริเวณนี้เคยเป็นสถานที่ที่ ผกค.จะขึ้นไปชูธงแดง (ค้อนเคียว) แต่ปัจจุบันเป็นธงไตรรงค์ ทุกครั้งที่รบชนะทหารของรัฐบาลและยังมีน้ำตกเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่งดงามสามารถเที่ยวชมได้ตลอดปี อาทิ น้ำตกหมันแดง น้ำตกศรีพัชรินทร์ น้ำตกผาลาดและน้ำตกตาดฟ้า.

ที่มา ธเนส อนุดิษฐ daily News

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น