วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2554

'คุณจะไม่มีวันโดดเดี่ยว...' เสน่ห์ 'โลโม่'


เป็นอีกหนึ่งสีสันของภาพเล่าเรื่องที่ไม่จำกัดรูปแบบกล้อง ในวันอาทิตย์สบายๆ เช่นเคย เรานำภาพที่ถ่ายได้จาก ‘กล้องโลโม่’ มาให้ดูกัน เป็นภาพเซ็ตที่ตั้งชื่อ ‘ฟัง’ แล้วหัวใจฟู ดูฮึกเหิมว่า ‘คุณจะไม่ (กระ)โดดเดียว…’

 




ขอบคุณภาพจาก Lomography Thailand – http://www.lomography.co.th/

ไทยรัฐออนไลน์

  • โดย ไทยรัฐออนไลน์ไลฟ์สไตล์
อ่านต่อ...

วันเสาร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2554

ตื่นตาธรรมชาติ...ท่องเที่ยวป่าหน้าฝน ชมดอกไม้งามบนอุทยานภูหินร่องกล้า



ในระหว่างเดือนสิงหาคม-กันยายนนี้ ช่วงเวลาที่ร่องฝนพัดผ่าน นักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่งเลือกมาเที่ยวป่าหน้าฝน ยลดอกไม้ป่าบานเต็มลานหิน บนอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า อ.นครไทย จ.พิษณุโลก สัมผัสเมฆฝนที่พัดผ่าน เป็นบรรยากาศที่หลายคนคิดไม่ถึง เที่ยวป่าหน้าฝน ได้อีกความรู้สึกหนึ่งที่สวยงามไม่แพ้ฤดูกาลท่องเที่ยวในหน้าหนาว

นายไพรัช มณีงาม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า อ.นครไทย จ.พิษณุโลก กล่าวว่า นักท่องเที่ยวจำนวนมากยังคงนิยมขึ้นมาเที่ยวบนอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าในช่วงฤดูหนาว ในช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนมกราคม เพื่อมาสัมผัสบรรยากาศอากาศหนาว ที่มีอุณหภูมิต่ำ ถึงขั้นเกิดแม่คะนิ้ง หรือน้ำค้างแข็ง แต่มีนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มหนึ่ง เลือกมาเที่ยวภูหินร่องกล้าในช่วงฤดูฝน ในช่วงเดือนสิงหาคมนั้น บรรยากาศป่าหน้าฝนบนภูหินร่องกล้านั้น มีความงด งามไม่แพ้เที่ยวในฤดูหนาว และเป็นอีกความรู้สึกหนึ่งที่ธรรมชาติได้สร้างสรรค์ ความงามให้นักท่องเที่ยวได้ชมเที่ยวป่าหน้าฝนบนอุทยานแห่งชาติ ภูหินร่องกล้า ที่ระดับความสูง 1,300-1,400 เมตร เมฆฝนจะปกคลุมยอดเขาร่องกล้า ยามที่นักท่องเที่ยวเดินผ่าน เมฆและละอองฝนจะพัดผ่านตัวเป็นไอหมอกขาว สวยงามมาก โดยเฉพาะเส้นทางท่องเที่ยวชมลานหินปุ่ม ผาชูธง ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตรนั้น นักท่องเที่ยวจะได้ชมแหล่งต้นน้ำ ที่ไหลรินผ่านลานหิน ดอกไม้ที่เบ่งบานในช่วงฤดูฝน บานสะพรั่งบนลานหินอีกหลากหลายชนิด อาทิ หงส์ทอง เปราะภู ตามเส้นทางเดินในป่าดิบชื้น สังเกตตามแนวทางเดินและลานหิน จะพบดอกไม้หลากหลายชนิดบานสะพรั่ง ที่อุทยานตั้งชื่อเส้นทางเดินป่าแห่งนี้ว่า “สวรรค์บนดิน” ในเส้นทางเดินเที่ยวสวรรค์บนดิน ประมาณ 3 กิโลเมตร ใช้ระยะเวลาเดินเท้าประมาณ 1-1.5 ชั่วโมง ในช่วงฤดูฝนบางจังหวะจะเป็นละอองเมฆฝนวิ่งพัดผ่านตัวนักท่องเที่ยว แต่บางโอกาสเมฆฝนก็จะกลั่นตัวกลายเป็นฝน ดังนั้นนักท่องเที่ยวต้องเตรียมตัวมาให้พร้อมสำหรับการเดินทางด้วย เช่น ร่ม เสื้อกันฝน ถุงพลาสติกสำหรับกันกล้องถ่ายรูปเปียกน้ำ รองเท้าผ้าใบ เป็นต้น ส่วนการเดินทางขึ้นมาบนอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าในช่วงนี้ เส้นทางขึ้นจากตีนภู บ้านห้วยน้ำไซ ต.เนินเพิ่ม กำลังมีการราดยางถนนใหม่ทั้งหมด อุทยานฯได้งบประมาณจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จำนวน 8 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงเส้นทางขึ้นภูหินร่องกล้าและภู ทับเบิก

อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า มีพื้นที่ครอบคลุมรอยต่อ 2 จังหวัด คือ อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย และอำเภอนครไทย
 จังหวัดพิษณุโลก ภูหินร่องกล้าเป็นแหล่งกำเนิดของประวัติศาสตร์การสู้รบอันยาวนานเป็นวีรกรรมของนักรบไทย ความขัดแย้งของลัทธิและแนวความคิดที่นำไปสู่ความสูญเสียเลือด ชีวิตและน้ำตา ภาพประวัติศาสตร์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ณ ที่แห่งนี้ ตลอดจนสภาพสิ่งก่อสร้างในอดีตจะถูกบันทึกเก็บรักษาไว้ เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาถึงผลของการใช้กำลังเข้าประหัตประหาร ทำให้เกิดความสูญเสียที่ประเมินค่ามิได้ อันเนื่องมาจากความขัดแย้งทางการเมืองความแตกแยก ความสามัคคีของคนในชาติ มีเนื้อที่ประมาณ 191,875 ไร่ หรือ 307 ตารางกิโลเมตร แหล่งท่องเที่ยวที่เป็นอนุสรณ์ความขัดแย้งทางการเมืองที่น่าสนใจ ได้แก่ โรงเรียนการเมืองการทหาร อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติฯประมาณ 6 กิโลเมตร มีสภาพเป็นป่ารกทึบ หนาแน่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ในอดีตเคยเป็นสถานที่สำหรับให้การศึกษาตามแนวทางของลัทธิคอมมิวนิสต์ สำนักอำนาจรัฐ อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอุทยานแห่งชาติฯ ห่างจาก ที่ทำการอุทยานแห่งชาติฯประมาณ 3 กิโลเมตร เป็นสถานที่ดำเนินการปกครอง มีการพิจารณาและลงโทษผู้กระทำผิดหรือละเมิดต่อกฎลัทธิมีคุกสำหรับขังผู้กระทำความผิด มีสถานที่ทอผ้าและโรงซ่อมเครื่องจักรกล

ขณะที่แหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อยอดนิยม ได้แก่ ลานหินแตก อยู่ห่างจากฐานพัช  รินทร์ ประมาณ 300 เมตร ลักษณะเป็นหินที่มีรอยแตกเป็นแนวเป็นร่องเหมือนแผ่นดินแยก รอยแตกนี้บางรอยก็มีขนาดแคบพอให้รากต้นหญ้าชอนไชไปได้เท่านั้น บางรอยกว้างพอคนก้าวข้ามได้ และบางรอยกว้างมากจนไม่สามารถกระโดดข้ามได้ ความลึกของร่องหินแตกเหล่านั้นไม่สามารถจะคาดคะเนได้ ลักษณะเช่นนี้สันนิษฐานว่าอาจจะเกิดจากการโก่งตัวหรือเคลื่อนตัวของผิวโลกจึงทำให้พื้นหินนั้นแตกเป็นแนว นอกจากนี้บริเวณหินแตกยังปกคลุมไปด้วย มอส ไลเคนส์ ตะไคร่ เฟิน และกล้วยไม้ชนิดต่าง ๆ ลานหินปุ่ม อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติฯ ประมาณ 4 กิโลเมตร อยู่ริมหน้าผาลักษณะเป็นลานหินผุดขึ้นเป็นปุ่มไล่เลี่ยกัน คาดว่าเกิดจากการสึกกร่อนตามธรรมชาติของหินทางเคมีและฟิสิกส์ 

ในอดีตบริเวณนี้ใช้เป็นที่พักฟื้นของคนไข้เนื่องจากอยู่บนหน้าผา มีลมพัดเย็นสบายเหมาะแก่การนั่งพักผ่อน ผาชูธง อยู่ห่างจากลานหินปุ่มประมาณ 600 เมตร เป็นหน้าผาสูงชันสามารถเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกล โดยเฉพาะภาพทิวทัศน์ดวงอาทิตย์ตกดินจะสวยงามไม่แพ้จุดชมทิวทัศน์อื่น ๆ บริเวณนี้เคยเป็นสถานที่ที่ ผกค.จะขึ้นไปชูธงแดง (ค้อนเคียว) แต่ปัจจุบันเป็นธงไตรรงค์ ทุกครั้งที่รบชนะทหารของรัฐบาลและยังมีน้ำตกเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่งดงามสามารถเที่ยวชมได้ตลอดปี อาทิ น้ำตกหมันแดง น้ำตกศรีพัชรินทร์ น้ำตกผาลาดและน้ำตกตาดฟ้า.

ที่มา ธเนส อนุดิษฐ daily News
อ่านต่อ...

วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2554

เที่ยววัดเก่าของลาว วัดสีสะเกด


รูปถ่ายเก่าวัดสีสะเกด


ก่อนเข้าวัดต้องผ่านทางนี้ก่อนครับ

วัดสีสะเกด (Wat Sisaket) หรือวัดสะตะสะหัสสาราม (วัดแสน)  เป็นวัดที่สร้างขึ้นแห่งแรกในนครเวียงจันทน์  วัดนี้สวยมากๆ ครับเข้าไปแล้วทำให้รู้สึกว่าตัวเองต้องเงียบโดยทันที คำว่าสตสหัสส  แปลว่า 100,000,  อาราม แปลว่า วัด,  วัดสตสหัสสาราม จึงแปลว่า วัดแสน  ในอดีตเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราช (ลาว)   ศักดิ์ของวัดนี้เทียบเท่าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์ฯ ท่าเตียน ของไทย)  เหตุที่ชื่อวัดแสนก็เพราะว่า  พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชและพุทธศาสนิกชนชาวลาวในอดีต  ทรงสร้างพระพุทธรูปทั้งองค์เล็กและองค์ใหญ่ประดิษฐานไว้ทั่ววัด 100,000 องค์  ดังนั้นจึงมีชื่อเล่นว่าวัดแสน  แต่ปัจจุบันมีเหลืออยู่ประมาณ 10,000 กว่าองค์เท่านั้น  ไกด์บางคนบอกว่ามี 6,000 กว่าองค์  แต่ถึงอย่างไรก็ตาม  วัดนี้ก็มียังมีพระพุทธรูปมากที่สุดในนครหลวงเวียงจันทน์


ทางเข้าวัดสีสะเกด

ป้ายเขียนว่า วัดสะตะสะหัสสาราม สีสะเกด

พระพุทธรูปเรียงรายสวยงาม


พระประธานในสิม
เดิมเป็นพระพุทธรูปองค์เล็กทำด้วยทองสำริด แต่เจ้าอนุวงศ์ได้ปฏิสังขรณ์ก่อครอบ ด้วยประทานเพชรฟอกด้วยน้ำปิว และให้พระประธานองค์ใหญ่หันหน้าไปทางด้านเหนือ เพื่อความ สะดวกสบายในไปกราบไหว้สักการะบูชา

ราวเทียน ในสิมราวเทียนในสิม มีความสูงประมาณ 1.88 เมตร กว้าง 2.10 เมตร ซึ่งเป็นศิลปผสมระหว่างล้านช้างกับล้านนา ทำด้วยไม้เนื้อดีและแกะสลักเป็นรูปพญานาค สองตนเอาหางพันกัน เป็นรูปสวยงามซึ่งหมายถึง ความสามัคคี
ระหว่างล้านช้างและล้านนา ที่พิเศษคือฟอกด้วยน้ำทองคำปิว สร้างในสมัยเดียวกันกับ วัดสิสะเกด
ศตวรรษที่ 19


หอพระไตรปิฎก
สำหรับเก็บรักษาพระไตรปิฎก และตำราคัมภีร์ เอการทางพระพุทธศาสนา ถึงแม้วัดสีสะเกดจะไม่ถูกเผาทำลายเหมือนวัดอื่น ๆ แต่ก็ถูกปล้นสะดมจี้เอาพระไตรปิฎกไปจนหมดเกลี้ยง ปัจจุบันมีเพียงหอพระไตรที่แสดงไว้ให้แขกต่างด้าวท้าวต่างเมืองมาเที่ยวชม ส่วนของหลังคาหอพระไตรปิฎกจะมีความคล้ายคลึงศิลปะของพม่าเพราะในสมัยนั้น อาจได้รับอิทธิพลจากพม่า นอกจากนี้ยังมีแผ่นศิลาจารึก ซึ่งกล่าวถึงเรื่องราวประวัติของวัดสีสะเกดอีกด้วย
ในสมัยก่อนวัดสิสะเกดมีอาณาเขตกว้างขวางมากมีกำแพงล้อมรอบทั้งสี่ด้าน ต่อมาในปี ค.ศ.1963 ได้ตัดเส้นทางใหม่ คือถนนเชษฐาธิราช ส่วนประตูโขงด้านหน้าติดกับหอคำ หรือสำนักงานประธานประเทศในปัจจุบัน



        ใน พ.ศ. 2321  เจ้าพระยาจักรี (ร.๑)  ได้รับพระบัญชาจากสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีให้ยกทัพไปทวงถามเครื่องบรรณาการจากลาว  ลาวไม่ให้จึงสู้รบกัน  ลาวรบแพ้เพราะไม่เจนศึกเท่าทหารสยาม  ในฐานะที่เจ้าพระยาจักรีเป็นนักรบผู้ทรงธรรมและเคยบวชเรียนหลายพรรษา  เมื่อชนะศึกแล้วจึงนำพาทหารสยามบูรณะซ่อมแซมวัดนี้ก่อนเดินทางกลับประเทศใน พ.ศ.2322  เพื่อเป็นพุทธบูชาอุทิศส่วนกุศลให้ทหารทั้ง 2 ประเทศที่เสียชีวิต  เนื่องจากรบกันโดยไม่มีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน  สถาปัตยกรรมวัดนี้เกือบทั้งหมดจึงเป็นสถาปัตยกรรมไทย  


      เมื่อเจ้าอนุวงศ์ขึ้นครองราชเป็นกษัตริย์ลาวเมื่อ พ.ศ. 2348  ก่อนหน้านั้นพระองค์เคยเสด็จมาช่วยไทยรบกับพม่า 2 ครั้ง  ก็ได้โปรดให้บูรณะและสร้างวัดนี้ต่อด้วยสถาปัตยกรรมไทย  วัดนี้จึงเป็นวัดที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของทหารและชาวพุทธสองประเทศมาแต่โบราณ  เพราะเป็นวัดที่ทหารของทั้งสองประเทศช่วยกันบูรณะ  


     
พ.ศ. 2369 เกิดกรณีพิพาทสยาม – ลาว (ไทยเรียกเหตุการณ์นี้ว่ากบถเจ้าอนุวงศ์)  ศึกครั้งนั้นไทยแทนแค้นลาวมาก  จึงทำลายเมืองเวียงจันทน์โดยการเผาเกือบหมด  ยกเว้นวัดนี้กับหอพระแก้ว  เพราะเป็นวัดที่ตนพักทัพ ตามธรรมเนียมแต่โบราณ  พวกทหารพุทธเมื่อตั้งทัพที่ไหนจะไม่ทำลายที่นั่น 

     พ.ศ. 2370 ก่อนกองทัพสยามเดินทางกลับประเทศ  ได้ทำการบูรณะซ่อมแซมและฌาปนกิจศพทหารที่เสียชีวิตที่วัดแห่งนี้           


     จากเหตุการณ์เผาเวียงจันทน์นี่แหละ  ชาวลาวรุ่นใหม่ที่เรียนมาถึงประวัติศาสตร์ตอนนี้จึงแค้นไทยไม่หาย  เมื่อไทยพูดว่า “บ้านพี่ – เมืองน้อง” ลาวรุ่นใหม่จึงไม่ยอมรับไทยเป็นญาติ  เขามักจะถามกลับว่า     “ใครเป็นพี่ – ใครเป็นน้อง”       ไทยบางคน  เกลียดพม่าไม่หายในเหตุการณ์เสียกรุงครั้งที่สอง อย่างไร     
ลาวบางคน  ก็แค้นไทยไม่เลิกในเหตุการณ์เผาเวียงจันทน์ อย่างนั้น

ทางเดินข้างอุโบสถ

     ปัจจุบันวัดแห่งนี้มีส่วนที่เป็นพื้นดินสำหรับภิกษุจำพรรษานิดหน่อย  ที่ดินส่วนใหญ่ถูกตัดแบ่งไปเป็นส่วนราชการหมด  แม้แต่ส่วนที่เป็นพระอุโบสถวัดสีสะเกด กระทรวงวัฒนธรรมก็มาดูแล  หอพระแก้วที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของวัด ทางการก็มาดูแลแทนวัดเช่นกัน มีถนนไชยเชษฐาตัดผ่าน ทำให้หอพระแก้วและวัดต้องอยู่แยกกันโดยปริยาย

     
วิญญาณทหารสยามที่สถิตอยู่ในวัดนี้จึงอาภัพเพราะไม่มีใครไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้  ชาวลาวก็ไม่ทำบุญกรวดน้ำให้  เพราะยังไม่หายแค้น  ทำบุญจากประเทศไทยไปให้ก็ไม่ค่อยจะถึง  เพราะอยู่ไกลและวิบากกรรมก็ยังไม่สิ้น  (ซวยสองต่อ)  หากอยากทำบุญให้  ต้องไปทำที่เวียงจันทน์เท่านั้น 

เก็บมาฝากครับ

สถานที่ท่องเที่ยว แขวงเวียงจันทน์ 
- แขวงเวียงจัน
- พระธาตุหลวง
- วัดสีเมือง เสาหลักเมืองเวียงจัน
- วัดสีสะเกด
- หอพระแก้ว หรือวัดพระแก้วลาว
- อนุสาวรีย์เจ้าฟ้างุม
- ประตูชัย
- พิพิธภัณฑ์แห่งชาติลาว
- หอวัฒนธรรมแห่งชาติลาว
- ถนนคนเดินเวียงจัน
- ตลาดเช้า
- ดิวตี้ฟรี (Duty free) สินค้าปลอดภาษี บริเวณด่านลาวไทย
- บ้านผาฮอม
- ถ้ำจัง
- เมืองวังเวียง
- ผาตั้ง
 
อ่านต่อ...